วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

แนะนำหนังสือดี

1.หัดใช้งาน Windoes XP ฉบับมือใหม่


ภาษิต เครืองเขียน.(2548). หัดใช้งาน Windoes XP ฉบับมือใหม่. นนทบุรี: ไอดีซีฯ.

          ทุกวันนี้ที่คอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก เพราะว่าประโยชน์ที่หลากหลายของคอมพิวเตอร์นั่นเองที่ช่วยให้การทำงานมีความสะดวกรวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในด้านใดก็ตามคอมพิวเตอร์ก็สามารถใช้งานได้ครอบคลุมเกือบทั้งหมด
          ปัจจุบันระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ส่วนมากจะเป็น Wimdows XP เนื่องจากมีความลงตัวของระบบในหลายๆด้าน เช่น มีสีสันของโปรแกรมที่สวยงาม ใช้งานง่ายมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และสนับสนุนสื่อดิจิตอลที่หลากหลาย เป็นต้นน

2.NEW PHOTOSHOP 200 Super Tips


อิศเรศ ภาชนะกาญจน์.(2554). NEW PHOTOSHOP 200 Super Tips. นนทบุรี: ไอดีซีฯ.

          ในการทำงานกราฟิกทั้งสาขาออกแบบหรือสาขาเฉพาะทางอื่นๆแบบมืออาชีพ นอกจากความสวยงามซึ่งเป็นสิ่งสำคัญแล้ว สิ่งที่จะต้องมีอีกอย่างหนึ่งคือ ต้องมีความเร็วในการทำงานในระดับที่ส่งงานได้ทันใจลูกค้า
          ในหนังสือเล่มนี้จึงรวบรวมสิ่งที่กล่าวมาถึงทางด้านบนทั้งหมดไว้ถึง 200 Tips โดยแยกเป็นหมวดหมู่ที่เหมาะสมเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาและใช้ภาพประกอบในการอธิบายทุกขั้นตอนเพื่อให้สะดวกในการเรียนรู้

3.คู่มือการเขีนยภาษาC


ไกรศร ตั้งโอภากุล.(2554). คู่มือการเขีนยภาษาC. นนทบุรี: ไอดีซีฯ.

          หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนเรียบเรียงขึ้นสำหรับ ผู้ที่สนใจเริ่มหัดเขียนโปรแกรม โดยเริ่มจากให้ผู้อ่านเข้าใจการทำงานของภาษาโปรแกรม รู้จักเครื่องมือสำหรับใช้พัฒนาโปรแกรม และหลักการเขียนโปรแกรมพื้นฐานที่ควรรู้ เช่น ชนิดข้อมูล ตัวดำเนินการ การรับและแสดงผลข้อมูลคำสั่งการทำงานของโปรแกรม เป็นต้น

4.การบริหารงานวิจัยแนวคิดจากประสบการณ์


วิจารณ์ พานิช. (2553). การบริหารงานวิจัยแนวคิดจากประสบการณ์. กรุงเทพฯ:
              กองทุนสนับสนุนการวิจัย.

          หนังสือเล่มนี้อาจจะถือได้ว่าเป็นคัมภีร์ของการบริหารการวิจัยในบริบทของสังคมไทย เป็นหนังสือที่ครอบคลุมตั้งแต่แนวคิด หลักการ ไปจนถึงวิธีการปฏิบัติโดยมีฐานอยู่บนสภาพความเป็นจริงของวงการวิจัยไทย

5.เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย


ชูศรี วงศ์รัตนะ. (2553). เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่12). นนทบุรี: ไทเนรมิตกิจ.

          ตำรา "เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย" เล่มนี้ พิมพ์เผยแพร่เป็นครั้งเเรกเมื่อปี พ.ศ.2524 และได้ทำการปรับปรุงเนื้อหาให้มีความครอบคลุมมากขึ้นมาโดยตลอด โดยอาศัยการค้นคว้าเพิ่มเติมจากตำราและวารสารต่างๆ และจากประสบการณ์การสอนที่สั่งสมมา

6.พาใจไปพบสุข


ชาญชัย อธิปญฺโญ,พระอาจารย์. (2554).พาใจไปพบสุข. (พิมพ์ครั้งที่2). กรุงเทพฯ: อมรินทร์ธรรมะ.

          หนังสือเล่มนี้เกิดจากการรวบรวมข้อเขียนของพระอาจารย์ชาญชัย อธิปญฺโญ จากคอลัมน์ You Are What You Do ในนิตยสาร Secret จัดได้ว่าเป็นคอลัมน์ที่มีผู้อ่านจำนวนมากติดตามเป็นแฟนอย่างเหนียวแน่น ด้วยชื่นชอบในข้อเขียนต่างๆของพระอาจารย์ชาญชัย

7.รู้ใจเรา เข้าใจลูก


ซีเกล,แดเนียล เจ. (2554). รู้ใจเรา เข้าใจลูก. กรุงเทพฯ: หมอชาวบ้าน.

          หนังสือเล่มนี่้ ไม่เพียงเหมาะสำหรับผู้เป็นพ่อแม่ใช้เป็นแนวทางในการเลี้ยงลูก ซึ่งเน้นให้เริ่มจากการเข้าใจประวัติชีวิตในไว้เด็กทั้งบวกและลบและการเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงของพ่อแม่ ก็จะนำพาไปสู่การเข้าใจลูกและเลี้ยงดูลูกอย่างเหมาะสมและเติบโตอย่างมีสุขภาวะ
          หนังสือเล่มนี้ยังมีคุณค่าสำหรับคนทุกคนที่สนใจในเรื่องจิตวิทยา การพัฒนาและการสร้างสุข

8.65 วิธีพูดดีดีได้ใจคน

ทิภาพร เยี่ยมวัฒนา. (2551). 65 วิธีพูดดีดีได้ใจคน. (พิมพ์ครั้งที่2). กรุงเทพฯ: คุณธรรม.

          หน้งสือเรื่อง "65 วิธีพูดดีดีได้ใจคน" ที่ท่านถืออยู่ในมือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาอ่านง่าย ได้ข้อคิดและสามารถนำไปใช้ฝึกฝนหรือปฏิบัติจริงในเรื่องการพูดในชีวิตประจำวันได้ทันที เพราะเต็มไปด้วยตัวอย่างมากมาย ตลอดจนวิธีการพูดอันหลากหลาย ทั้งยังสอดคล้องกับสังคมไทยซึ่งเป็นสังคมตะวันออก ซึ่งการพูดจาพาทีมีความลึกซึ้งต้องคำนึงความละเอียดอ่อนด้านอารมณ์ จิตใจ และศักดิ์ศรี หน้าตา ของคนที่เราพูดจาเป็นด้วยอย่างยิ่ง อันเป็นเรื่องที่หนังสือเล่มนี้ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

9.สมองดีด้วยคณิตคิดบวก



ต่อทอง ทองหล่อ. (2554). สมองดีด้วยคณิตคิดบวก. นนทบุรี: ธิงค์ บียอนด์ บุ๊คส์.

         หนังสือแนวจิตวิทยาผสมผสานเกมบวกลบคูณหารง่ายๆ เล่นเพิ่มพลังสมองของคุณให้สดชื่นอยู่เสมอ บรรจุโจทย์เลขคณิตคิดง่ายๆ จำนวนเพียงพอกับการเล่นทุกวันใน เดือน พร้อมเคล็ดลับวิธีพัฒนาสมองง่ายๆ ได้ผล

10. 20 กลยุทธ์ ควบคุมคน


วรสิริยุตต์. (2554). 20 กลยุทธ์ ควบคุมคน. นนทบุรี: ธิงค์ บียอนด์ บุ๊คส์.

          ใครเคยพบปัญหาเหล่านี้บ้าง เป็นหัวหน้า แต่สั่งอะไรไปลูกน้องก็ดื้อไม่ทำตาม เป็นคนทำงาน แต่ขออะไรไปคนอื่นก็ไม่ร่วมมือ เป็นนักธุรกิจ แต่สื่อสารเจรจาคู่ค้าไม่ยินยอม เป็นพ่อแม่ สอนอะไรลูกก็ไม่เชื่อฟัง หนังสือเล่มนี้ช่วยคุณได้เพื่อสร้างความสำเร็จให้ตัวเอง เพื่อการสื่อสารที่ว่านั้นมาจากการใช้คำพูด หากคุณพร้อมแล้วที่จะเป็นอีกคนที่จะ "ประสบความสำเร็จ" คุณไม่ควรพลาด "20 กลยุทธ์ควบคุมคน" เล่มนี้

11.คนน่ารักมักเพื่อนแแยะ


นางสาวพอใจ. (2556).  คนน่ารักมักเพื่อนแแยะ. กรุงเทพฯ:  Minibear Publishing.

         เคยเจอปัญหาเหล่านี้บ้างหรือเปล่า ทำไมเพื่อนๆ ถึงไม่เคยเข้าข้างหรือเราไม่อินเทรนด์พอ เอ...หรือเสื้อผ้าหน้าผมดูไม่เด่นเด้งโดนใจ พูดน้อยไปนิดก็ไม่ใช่ เอาใจใส่ใครๆ น้อยไปหน่อยเหรอ แล้วความมั่นใจจะนำพาเพื่อนๆ เข้ามาเยือนในที่สุด เพราะมนุษย์เราไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกกลมๆ เกลี้ยงๆ ใบนี้ได้เพียงลำพัง ดังนั้นควรเก็บรักษามิตรภาพนั้นไว้ให้เหนือสิ่งอื่นใด



12.  คู่มือสร้างสุขในชีวิตคู่



มนต์ทิวา. (2556).  คู่มือสร้างสุขในชีวิตคู่. กรุงเทพฯ:  Dดี.

          การหย่าร้าง การเลิกรา ไม่ใช่เหตุผลของการหมดรัก แต่อาจเป็นเพราะคุณหมดกำลังใจที่จะรักษามันเอาไว้มากกว่า หนังสือเล่มนี้จะช่วยเติมกำลังใจดีๆ ให้คนมีรัก...ได้รักกัน ให้คนเหนื่อยล้า...กลับมีแรงใหม่ ให้ชีวิตคู่ที่เหนื่อยหน่าย...ได้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขอีกครั้ง!

13. เก็บเล็กประสมน้อย





นพพร  สุวรรณพานิช. (2553).  เก็บเล็กประสมน้อย.  กรุงเทพฯ:  แสงดาว.

         รวมหลากหลายบทความที่น่าสนใจทั้งเรื่องของความรัก เครื่องสำอาง เพศ อาหาร วัฒนธรรม ประเพณีอันแตกต่างทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ เต็มไปด้วยข้อมูลที่ชวนศึกษา ให้ทั้งความเพลิดเพลินและสาระความรู้ไปพร้อมๆ กันจนคุณวางไม่ลงเลยทีเดียว

14. 10 นาทีมหัศจรรย์ยามเช้าสร้างลูกรักการอ่าน




กาญจนา ประสพเนตร. (2554).  10 นาทีมหัศจรรย์ยามเช้าสร้างลูกรักการอ่าน. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น.

          นี่คือคู่มือสำหรับให้พ่อแม่และคุณครู ใช้เป็นแนวทางส่งเสริมการอ่านแก่เด็กๆ โดยบอกเทคนิควิธีการชัดเจน เพื่อให้ครอบครัวและโรงเรียนร่วมมือกันจัดกิจกรรมกระตุ้นให้เด็กรักการอ่าน ทำให้ให้เด็กมีสมาธิและวิเคราะห์เป็น ซึ่งจะเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเรียนทุกวิชา เด็กๆ จะเรียนหนังสือได้ดีโดยไม่ต้องพึ่งพาโรงเรียนกวดวิชาอีกต่อไป โดยวิธีส่งเสริมการอ่านที่ใช้ได้ผลนั้นมีทั้ง ให้คุณครูจัดชั่วโมงอ่านหนังสืออ่านเล่น 10 นาทีทุกเช้า ก่อนเริ่มชั่วโมงเรียนประจำวัน เพื่อสร้างสมาธิแก่เด็กๆ ให้พ่อแม่สนับสนุนโรงเรียน โดยจัดหาหนังสือดีน่าอ่านให้ลูกนำไปทำกิจกรรมที่โรงเรียน ให้พ่อแม่จัดตารางอ่านหนังสือที่บ้าน แล้วดูความคืบหน้าของลูก หมั่นพาลูกไปร้านหนังสือและห้องสมุด อ่านหนังสือเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น จัดห้องสมุดในบ้าน และอีกหลากหลายที่ผ่านการทดสอบมาแล้วว่าได้ผลจริง สำหรับทุกท่านที่ต้องการปลูกฝังให้เด็กๆ รักการอ่าน ไม่ควรพลาด "10 นาทีมหัศจรรย์ยามเช้า สร้างลูกรักการอ่าน" เล่มนี้



15. รอบรู้ทั่วไทย

โกสินทร์  รตนประเสริฐ.  (2556).  รอบรู้ทั่วไทย.  กรุงเทพฯ:  นานา.

         ร้อยแปดพันเก้า รอบรู้ทุกเรื่องราว รอบรู้ทั่วทิศ จากเล็กที่สุดถึงใหญ่ที่สุด จากเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนาน สู่ปัจจุบันสมัย เป็นเกร็ดย่อยร้อยแปดเรื่องราวน่าสนใจ ที่จะพาให้คุณรู้รอบเมืองไทย เสมือนสารานุกรมฉบับพกพา ที่คุณสามารถค้นหาเรื่องราวต่างๆ ได้มากมาย

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

แนะนำสถานที่ดูงาน จังหวัดเชียงราย,เชียงใหม่


วัดร่องขุ่น


 เป็นวัดพุทธและวัดฮินดู ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ออกแบบและก่อสร้างโดย เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2540 จนถึงปัจจุบัน โดยเฉลิมชัยคาดว่างานก่อสร้างวัดร่องขุ่นจะไม่เสร็จลงภายในช่วงชีวิตของเขา วัดร่องขุ่นถอดแบบมาจากวัดมิ่งเมืองจังหวัดน่าน

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 เวลา 18.05 น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 มีศูนย์กลางอยู่ที่อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย และแผ่นดินไหวตามหลายครั้ง สร้างความเสียหายให้กับวัดร่องขุ่นเป็นอย่างมาก เช่น ผนังโบสถ์ปูนกระเทาะออก กระเบื้องหลุด ยอดพระธาตุหัก ภาพเขียนเสียหายหมด ทำให้ต้องปิดวัดเพื่อซ่อมแซมตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2557




สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย


       สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดดำเนินการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2518 เป็นอาคารชั่วคราว มีพื้นที่ ประมาณ 2 ห้องเรียน กว้าง 8 เมตร ยาว 4 เมตร รวม 32 ตารางเมตร มีเอกสารตำราในระยะ เริ่มต้นประมาณ 328 เล่ม มีที่นั่งอ่านค้นคว้า 26 ที่นั่ง 
       ปี พ.ศ. 2519 ย้ายไปอยู่อาคารหลังใหม่ เป็นอาคารเอกเทศ มีเอกสารตำราเพิ่มขึ้น เป็น 26,000 เล่ม วารสารและหนังสือพิมพ์รวม 27 รายชื่อ มีบรรณารักษ์ปฏิบัติงาน 1 คน และนักการภารโรง 1 คน ปี พ.ศ. 2522 ได้ย้ายจากอาคารชั่วคราวไปอยู่อาคารถาวรรูปทรงหกเหลี่ยม (ปัจจุบันใช้เป็นสำนักทะเบียน และวัดผล) มีเอกสารและตำราเพิ่มเป็น 37,600 ชื่อเรื่อง วารสารและ หนังสือพิมพ์ 128 รายชื่อ และที่นั่งอ่านค้นคว้า 120 ที่นั่ง ปี พ.ศ. 2536 – 2550 ได้ย้ายมาอยู่ที่อาคารบรรณราชนครินทร์ เป็นอาคารสูง 4 ในลักษณะชั้น มีบริการต่างๆห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษาทั่วไป มีที่นั่งอ่านค้นคว้าประมาณ 320 ที่นั่ง มีเอกสาร ตำราจำนวน 112,847 ชื่อเรื่องวารสาร 283 รายชื่อ หนังสือพิมพ์ 28 รายชื่อ สื่อโสตทัศน์ จำนวน 7,676 ชิ้นีคอมพิวเตอร์บริการ ในระบบ LAN จำนวน 59 เครื่อง 
        ในวันที่ 14 มิถุนายน 2547 ประวัติศาสตร์และสถานะของสถาบันราชภัฎเชียงรายเปลี่ยนไป โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรา มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมลงพระปรมาภิไธย ในพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฎ และประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาจึงส่งผลให้ สถาบันราชภัฎ ปรับเปลี่ยนเป็น “มหาวิทยาลัยราชภัฏ” จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง การบริหารงานใหม่โดยให้สำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีีสารสนเทศรวมกันเป็นหน่วยงานเดียว ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องและก้าวไปสู่ความเป็นมหาวิทยาลัย โดยใช้ชื่อว่า สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 
        ปัจจุบันย้ายมาอยู่ที่อาคารยุพราชวิทยมงคล เป็นอาคารสูง 4 ชั้น มีที่นั่งอ่านค้นคว้าประมาณ 320 ที่นั่ง มีเอกสารตำราจำนวน 119,600 ชื่อเรื่อง สื่อโสตทัศน์ จำนวน 9,581 ชื่อเรื่องวารสาร 259 รายชื่อ และหนังสือพิมพ์ 30 รายชื่อ 




พระตำหนักดอยตุง

          ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 7 บ้านมูเซอลาบา ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม้ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย บริเวณสันเขาของเทือกดอยนางนอน ระดับความสูงประมาณ 1,200 ม. เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาดอยตุง

ประวัติ

           พระตำหนักดอยตุงเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2530 เมื่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มี พระชนมายุ 88 พรรษา โดยก่อนหน้านั้นมีพระราชกระแสว่า หลังพระชนมายุ 90 พรรษา จะไม่เสด็จไปประทับที่ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ จึงได้เลือกดอยตุง ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงาม ขณะเดียว กันสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี เมื่อทรงทอดพระเนตรพื้นที่ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2530 ก็ทรงพอพระราชหฤทัย และมีพระราชดำริจะสร้างบ้านที่ดอยตุงพร้อมกันนี้ ยังมีพระราชกระแสรับสั่งว่าจะ ปลูกป่าบนดอยสูงจึงกำเนิดเป็น โครงการพัฒนาดอยตุงขึ้น โครงการพัฒนาดอยตุงเริ่มดำเนินการโดยความร่วมมือจากหน่วยราชการทุกส่วน เช่น กรมป่าไม้ กรมชลประทาน หน่วยงานด้านปกครอง นอกจากทำการปลูกป่าฟื้นฟูสภาพพื้นที่แล้วยังมีการฝึกอาชีพ เพื่อ ยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวเขาบนดอยตุง ซึ่งประกอบด้วยชาวเขาเผ่าอาข่าลาหู่ ไทยใหญ่ และจีนฮ่อ ขณะเดียว กันยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของตนไว้
ทางเข้าพระตำหนักดอยตุง

สวนแม่ฟ้าหลวง

         เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2535 บนพื้นที่ประมาณ 12 ไร่ ใกล้กับพระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวงได้รับการออกแบบให้สวยงามตลอด 365 วัน แปลงไม้ดอกหลากหลายพันธ์นับหมื่นดอกถูกจัดแต่งหมุนเวียนให้สวยงามไม่ซ้ำกันทั้งสามฤดู ประกอบกับประติมากรรมเด็กยืนต่อตัวโดดเด่นอยู่กลางสวน ซึ่งได้รับพระราชทานชื่อว่า ความต่อเนื่อง อันตรงกับพระราชดำริของสมเด็จย่าที่ว่า ทำงานอะไรก็ตามจะสำเร็จได้ต้องมีความต่อเนื่อง - สวนแม่ฟ้าหลวงได้รับรางวัล พาต้าโกลด์ อะวอร์ด (PATA GOLD AWARDS )ประจำปี 2536 ของสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคแปซิฟิค ในนามของประเทศไทย ประเภทรางวัลการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว- ปัจจุบันสวนแม่ฟ้าหลวงได้ขยายพื้นที่เพิ่มอีก 13 ไร่ เป็นสวนหิน สวนน้ำ สวนปาล์ม และสวนไม้ประดับ รวมเนื้อที่สวนแม่ฟ้าหลวงทั้งหมดเป็น 25 ไร่- สวนแม่ฟ้าหลวง เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. ค่าเข้าชมสวนแม่ฟ้าหลวง คนละ 100 บาท ถ้าเข้าชมทั้งพระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวงจะเสียค่าเข้าชมคนละ 150 บาท



มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 

           ได้รับการสถาปนาเป็นมหาวิทยาลัยมาเป็นระยะเวลา 16 ปี พัฒนามาจาก โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมประจำภาคเหนือ กระทรวงธรรมการ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2477 เป็นสถานศึกษาขั้นสูงสุดทางการเกษตรของประเทศในสมัยนั้น ต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น "มหาวิทยาลัยแม่โจ้" เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539

ประวัติ

            มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้พัฒนามาจาก โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมประจำมณฑลพายัพ (ปัจจุบัน คือ มหาวิทยาลัยแม่โจ้) ซึ่งได้ทำการขยายพื้นที่การศึกษาไปยังบ้านแม่โจ้ ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ (ที่ตั้งของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ในปัจจุบัน) หลังจากนั้นก็ยกฐานะจากโรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมที่บ้านแม่โจ้ก่อตั้งเป็น โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมประจำภาคเหนือ กระทรวงธรรมการ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2477 เป็นสถานศึกษาขั้นสูงสุดทางการเกษตรของประเทศในสมัยนั้น ซึ่งมีประวัติที่เล่าขานและเป็นตำนานที่บอกกล่าวมายาวนานถึงเรื่องราวการบุกเบิกพื้นที่ และการต่อสู้กับงานหนัก เพื่อให้ความรู้ สติปัญญา ฝึกทักษะ อาชีพ และหล่อหลอมความทรหดอดทนของผู้เรียน เพื่อให้บรรลุผลของงานที่ทำ ท่ามกลางภยันตรายที่รุมล้อมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นไข้ป่า ความกันดารของสภาพพื้นที่ที่เป็นป่า ขาดแคลนน้ำและดินเลว สภาพที่อยู่ที่กิน และห้องเรียนทีสร้างจากใบตองตึงพื้นเป็นดิน ซึ่งหากไม่มีหัวใจของนักต่อสู้งานหนัก จิตใจที่ตั้งมั่นและอดทนแล้ว คงมิอาจฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ดังกล่าวไปได้เลย สมดังปรัชญาของลูกแม่โจ้ "งานหนักไม่เคยฆ่าคน" (Hard Work Never Kills Anyone)




ดอยสุเทพ

               วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1929 ในสมัยพญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรล้าน ราชวงศ์มังราย พระองค์ทรงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่ ที่ได้ทรงเก็บไว้สักการบูชาส่วนพระองค์ถึง 13 ปี มาบรรจุไว้ที่นี่ ด้วยการทรงอธิษฐานเสี่ยงช้างมงคลเพื่อเสี่ยงทายสถานที่ประดิษฐาน พอช้างมงคลเดินมาถึงยอดดอยสุเทพ มันก็ร้องสามครั้ง พร้อมกับทำประทักษิณสามรอบ แล้วล้มลง พระองค์จึงโปรดเกล้าฯให้ขุดดินลึก 8 ศอก กว้าง 6 วา 3 ศอก หาแท่นหินใหญ่ 6 แท่น มาวางเป็นรูปหีบใหญ่ในหลุม แล้วอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงประดิษฐานไว้ จากนั้นถมด้วยหิน แล้วก่อพระเจดีย์สูง 5 วา ครอบบนนั้น ด้วยเหตุนี้จึงห้ามพุทธศาสนิกชนที่ไปนมัสการสวมรองเท้าใน บริเวณพระธาตุ และมิให้สตรีเข้าไปบริเวณนั้น ในปี พ.ศ. 2081 สมัยพระเมืองเกษเกล้า กษัตริย์องค์ที่ 12 ได้โปรดฯให้เสริมพระเจดีย์ให้สูงกว่าเดิม เป็นกว้าง 6 วา สูง 11 ศอก พร้อมทั้งให้ช่างนำทองคำทำเป็นรูปดอกบัวทองใส่บนยอดเจดีย์ และต่อมาเจ้าท้าวทรายคำ ราชโอรสได้ทรงให้ตีทองคำเป็นแผ่นติดที่พระบรมธาตุ



พืชสวนโลก

              มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 (อังกฤษ:International Horticulture Exposition for His Majesty the King; Royal Flora Ratchapruek 2006) หรือเรียกย่อๆว่า ราชพฤกษ์ 2549 เป็นงานมหกรรมจัดแสดงด้านพืชสวนกลางแจ้ง จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 – 31 มกราคม 2550 ณ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ในนามของรัฐบาลไทย โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมวิชาการเกษตร และสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนของสมาพันธ์ดอกไม้โลก(WFC) และสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (ISHS) และการรับรองมาตรฐานมหกรรมระดับโลก ระดับ A1 (มาตรฐานมหกรรมขั้นสูงสุด) การจัดงานจาก สมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH) และสำนักงานมหกรรมโลก (BIE) โดยประเทศไทยนับเป็นประเทศที่สามในทวีปเอเชีย ที่ได้รับรองการจัดงานมหกรรมระดับโลกจาก BIE ต่อจากจีน และญี่ปุ่น.



ดอยอินทนนท์

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ อำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่วาง และ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ประมาณ 482.4 ตารางกิโลเมตร หรือ 301,500 ไร่ ประกอบไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย พาดผ่านจากประเทศเนปาล ภูฐาน พม่า เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย
สภาพภูมิประเทศทั่วไปประกอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อน มีดอยอินทนนท์เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด สูงจาก ระดับน้ำทะเล 2,565 เมตร ยอดเขาที่มีระดับสูงรองลงมาคือ ดอยหัวมดหลวง สูงจากระดับน้ำทะเล 2,330 เมตร ป่าอินทนนท์นี้เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำแม่กลาง แม่ป่าก่อ แม่ปอน แม่หอย แม่ยะ แม่แจ่ม แม่ขาน และเป็นส่วนหนึ่งของต้นน้ำแม่ปิงที่ ให้พลังงานไฟฟ้าที่เขื่อนภูมิพล มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม เช่น น้ำตกต่างๆ โดยเฉพาะน้ำตกแม่ยะ ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดของประเทศ
ดอยอินทนนท์ เดิมมีชื่อว่า "ดอยหลวงอ่างกา" ต่อมาได้ตั้งชื่อตามพระนามของพระเจ้าอินทวิชยนนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7



พระมหาธาตุ นภเมทนีดล,พระมหาธาตุ นภพลภูมิสิริ
             พระมหาธาตุ นภเมทนีดล องค์นี้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อ วันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๙ เวลา ๑๐ นาฬิกา ๔๙ นาที โดย พลอากาศเอก ประพันธ์ ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธาน การก่อสร้างใช้เวลา ๓๖๐ วัน สิ้นเงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้น ๔๕ ล้านบาทเศษ พลอากาศเอก วรนาถ อภิจารี ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานกรรมการการก่อสร้างและตกแต่ง นางไขศรี ตันศิริ และนายสันติ ชยสมบัติ เป็นสถาปนิก นายกัญจนจักก์ สถาปนสุต เป็นวิศวกร
            พระมหาธาตุ นภเมทนีดล มีรูปแบบเป็นทรงระฆังคว่ำ รูปแปดเหลี่ยม ซึ่งหมายถึง มรรคแปด คือ ความพากเพียรแสวงหาปรมัตถธรรมของพระพุทธเจ้า อันกึกก้องสดาลพึงรับรู้กันประหนึ่งเสียงระฆัง มีความสูง 60 เมตร เพื่อเป็นนิมิตรหมายการสร้างเมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา ส่วนบนสุดเป็นรูปทรง ยอดปลีสีทอง รองรับกลีบบัวบาน หมายถึงการตรัสรู้สู่ปรินิพาน นับว่าเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งได้บรรจุ พระบรมสารีริกธาตไว้
             พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ ๙ แห่งพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ ได้เสด็จพระราชดำเนิน เมื่อวันที่ เดือน พุทธศักราช ๒๕๓๑ มาทรงรับและทรงเปิดพระมหาสถูปเจดีย์ฯ ที่กองทัพอากาศครบ ๗๒ ปี ร่วมใจสามัคคีบริจาคทรัพย์สร้างเป็นอนุสรณ์ น้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศล วโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ ๕ รอบ ในวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๐

              พระมหาธาตุ นภพลภูมิสิริ  ในปี พ.ศ. 2535 อันเป็นปีมิ่งมหามงคลที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ กองทัพอากาศก็ได้จัดสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ไว้บนดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นเคียงคู่กัน เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และได้รับพระราชทานนามว่า” พระมหาธาตุ นภพลภูมิสิริ ” อันมีความหมายว่า ” เป็นกำลังแห่งฟ้า เป็นสิริแห่งดิน ” โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีรับการน้อมเกล้า น้อมกระหม่อมถวาย พระมหาธาตุเจดีย์ ” นภพลภูมิสิริ ” ณ ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2536   องค์เจดีย์มีรูปทรงละม้ายคล้ายคลึงกับองค์พระมหาธาตุนภเมทนีดล มีรูปแบบเป็นทรงระฆังคว่ำ มีสันฐานเป็นรูป 12 เหลี่ยม เป็นเครื่องหมายแทน อัจฉริยธรรม 12 ประการ แห่งองค์พระพุทธมารดา มีความสูง 55 เมตร ซึ่งต่ำกว่าพระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล 5 เมตร ทั้งนี้เพื่อจะแสดงความหมายถึง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงอ่อนพระชันษากว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 พรรษา มีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ สำหรับให้พุทธศาสนิกชนและผู้ไปเยี่ยมชมได้กระทำทักษิณาวัตรบูชาและเดินชมทิวทัศน์ได้โดยรอบ มีความกว้างที่ระดับระเบียงชั้นล่าง 37 เมตร ส่วนบนสุดเป็นรูปทรง ยอดปลีสีทอง ได้บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุไว้


















วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558



บริการยืมระหว่างห้องสมุด

บริการยืมระหว่างห้องสมุด( interlibrary loan services )เป็นบริการสำคัญอย่างหนึ่งที่จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้ใช้สิ่งพิมพ์ที่ต้องการแม้ว่าสิ่งพิมพ์ขึ้นนั้นๆ ไม่มีในห้องสมุดที่ตนเป็นสมาชิก เพื่อส่งเสริมให้การศึกษาค้นคว้าวิจัยเป็นไปอย่างวกว้างขวางและรวดเร็วบริการยืมระหว่างห้องสมุด มีผู้ใช้คำจำกัดความไว้หลายท่าน แต่ส่วนใหญ่จะมีลักษณะใกล้เคียงกัน ดังนี้คือGilmer (1994) ให้ความหมายว่า การยืมระหว่างห้องสมุดหมายถึง ห้องสมุดหนึ่งให้ยืมวัสดุห้องสมุดของตนแก่ห้องสมุดอื่น ซึ่งไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้กับห้องสมุด แต่เป็นการติดต่อระหว่างห้องสมุด โดยห้องสมุดผู้ให้ยืมอาจจะอนุญาตให้ยืมฉบับจริงหรือจัดทำสำเนาไปให้ห้องสมุดผู้ยืมนอกจากนี้ Harrod (1990) ได้ให้ความหมายไว้ว่าการยืมระหว่างห้องสมุด คือ ผู้ใช้ห้องสมุดหนึ่งหรือเครือข่ายระบบสารนิเทศหนึ่งไปขอใช้บริการบริการยืมทรัพยากรห้องสมุดจากห้องสมุดอื่นที่ไม่ได้อยู่ในระบบการยืมของตนเองได้ โดยห้องสมุดส่วนใหญ่จะเข้าร่วมโครงการยืมระหว่างห้องสมุด อาจเป็นห้องสมุดในท้องถิ่น ห้องสมุดในภูมิภาคหรือห้องสมุดระหว่างประเทศก็ได้ซึ่งการขอยืมนี้ให้ขอผ่านบริการยืมระหว่างห้องสมุดที่จัดตั้งขึ้นมาในพื้นที่นั้นเพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการยืมประวัติและการพัฒนาประวัติศาสตร์โลกได้บันทึกไว้ว่าความเจริญก้าวหน้าของห้องสมุดจะควบคู่กับความเจริญรุ่งเรืองทางอารยธรรมโลก ดั้งนั้นวิวัฒนาการของห้องสมุดจึงปรากฏตามการแบ่งยุคอารยธรรมของประวัติศาสตร์โลก ดังต่อไปนี้       ........600 B.C.       อารยธรรมสมัยแรก
600 B.C.-200 B.C.       สมัยเฮเลนิค200 B.C.- A.D.400       สมัยเฮเลนิคและโรมันA.D. 400 - 1300         สมัยกลางและอาหรับ
A.D. 1300 - 1600       สมัยหัวเลี้ยวหัวต่อแห่งยุค
A.D. 1600 - 1700       สมัยศตวรรษที่ 17
A.D. 1700 - 1850       ยุควิทยาศาสตร์กายภาพ
A.D. 1850 - 1914       ยุคก้าวหน้า
A.D. 1914-                เริ่มต้นจากสงครามโลกครั้งที่1การยืมระหว่างห้องสมุดก็มีการพัฒนามาพร้อมๆกับการจัดตั้งห้องสมุดตั้งแต่อารยธรรมสมัยแรกซึ่งประวัติและพัฒนาการที่จะกล่าวต่อไปนี้ แสดงงให้เห็นถึงพัฒนาการดังกล่าวในอดีตจากที่ดำเนินการโดยวิธีระบบดั้งเดิม โดยใช้แรงงานคนเป็นหลักกระทั้งมาถึงยุคปัจจุบัน  ซึ่งเป็นยุคของโลกที่ไร้พรมแดนโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาจัดบริการห้องสมุดเพื่อตอบสนองความต้องการสารนิเทศของผู้ใช้ไม่ว่าจะอยู่แห่งใดของมุมโลกวัตถุประสงค์1)  เพื่อช่วยให้นักวิจัยได้ใช้วัสดุที่ตรงกับความต้องการของตน2)  เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ห้องสมุดได้ใช้วัสดุที่ไม่สามารถหาได้จากแหล่งสารนิเทศสำหรับประเทศไทย ทบวงมหาวิทยาลัย(2534)ได้กล่าวไว้ดังนี้1)  เพื่อจัดหาและให้บริการสิ่งพิมพ์และโสตทัศนวัสดุระหว่างห้องสมุดให้เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว กว้างขวาง และคุ้มค่ายิ่งขึ้น2)  เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรร่วมกันอันจะเป็นการประหยัดงบประมาณของประเทศโดยที่ห้องสมุดบางแห่งไม่จำเป็นต้องซื้อสิ่งพิมพ์และโสตทัศนวัสดุประเภทที่มีผู้ใช้น้อยจากวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่าการยืมระหว่างห้องสมุดนั้น วัตถุประสงค์หลักก็เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ห้องสมุดของตนได้รับสารนิเทศตรงกับความต้องการของเขา ส่งเสริมการค้นคว้าวิจัย และขยายขอบเขตความรู้ ตลอดจนให้มีการใช้สารนิเทศที่ไม่มีในห้องสมุดของตนให้กว้างขวางขึ้น อันเป็นการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างห้องสมุดได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลแนวปฏิบัติในการยืม-คืนระหว่างห้องสมุดร่วมกันเพื่อให้มีการปฏิบัติเกี่ยวกับการยืม-คืนระหว่างห้องสมุดร่วมกันของข่ายงานห้องสมุด มหาวิทยาลัยส่วนภูมิภาค เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้ทรัพยากรห้องสมุดร่วมกัน ข่ายงานห้องสมุดจึงได้กำหนดแนวการปฏิบัติในการยืม-คืนระหว่างห้องสมุดร่วมกันโดยกำหนดหัวข้อปฏิบัติเกี่ยวกับ ความหมาย วัตถุประสงค์ ขอบเขตการยืม-คืน ผู้มีสิทธิใช้บริการ การสมัครเป็นสมาชิกบัตรสมาชิกและบัตรทะเบียนสมาชิกข่ายงานการกำหนดประเภทสิ่งพิมพ์และเวลาให้ยืม-รับคืน หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ยืม การยืมและวิธีปฏิบัติ แนวปฏิบัติในการตรวจสอบหนี้สิน และมาตรการในการติดตามหนี้สินของสมาชิกข่ายงาน แต่ในที่นี้ขอกล่าวเป็นเพียงบางข้อ บางตอนที่สำคัญๆ เพื่อให้ผู้อ่านมองเห็นภาพในการใช้บริการเท่านั้นขอบเขตการยืม-คืน1)  สิ่งที่ให้ยืม ได้แก่ สิ่งพิมพ์ของห้องสมุดสิ่งพิมพ์ของห้องสมุดที่จำเป็นในการศึกษา ค้นคว้าวิจัย ทั้งนี้ให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับหรือประกาศของห้องสมุดสมาชิกข่ายงานแต่ละแห่ง2)  ผู้ยืมมีสิทธิยืมสิ่งพิมพ์ไก้เฉพาะของห้องสมุดกลาง สมาชิกข่ายงาน เท่านั้นผู้มีสิทธิในการใช้บริการผู้มีสิทธิใช้บริการยืม-คืน ได้แก่ อาจารย์ นักวิจัย ข้าราชการ และนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ที่สังกัดในสถาบันของห้องสมุดสมาชิกข่ายงานการกำหนดประเภทสิ่งพิมพ์และเวลาให้ยืม-รับคืน1)  ผู้ยืมมีสิทธ์ยืมหนังสือจากห้องสมุดกลางของสมาชิกข่ายงาน ทั้งหมดร่วมกันครึ่งละไม่เกิน 3 เล่ม ต่อ 1 สัปดาห์2)  กำหนดประเภทสิ่งพิมพ์ที่ให้ยืมให้เป็นไปตามระเบียบ ข้อบังคับหรือประกาศของห้องสมุดแต่ละแห่งประโยชน์ของการบริการยืม-คืน ระหว่างห้องสมุด1)  ผู้ใช้บริการสามารถยืมสิ่งพิมพ์จากห้องสมุดสมาชิกข่ายงานได้ด้วยตนเอง เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ และทำให้การใช้สิ่งพิมพ์ระหว่างห้องสมุดสมาชิกหน่วยงานเป็นไปด้วยความรวดเร็ว กว้างขวาง และคุ้มค่ายิ่งขึ้น2)  การส่งเสริมให้มีการใช้ทรัพยากรร่วมกัน อันจะเป็นการประหยัดงบประมาณของห้องสมุด3)  การส่งเสริมให้มีความสำพันธ์อันดีระหว่างห้องสมุด ในการให้บริการร่วมกัน4)  สามารถตอบสนองความต้องการวัสดุการสารสนเทศของผู้ใช้บริการในการศึกษาค้นคว้า5)  ช่วยให้เกิดการศึกษาค้นคว้าวิจัยอย่างกว้างขวาง6)  ช่วยให้ประหยัดงบประมาณในการจัดหาวัสดุสารสนเทศ7)  ช่วยแก้ปัญหาการขาดแหล่งข้อมูลในการศึกษาค้นคว้า8)  ทำให้มีสัมพันธภาพที่เกิดขึ้นระหว่างห้องสมุดที่มีความร่วมมือในการใช้ทรัพยากรร่วมกันบริการยืมระหว่างห้องสมุดในประเทศไทยการยืมระหว่างห้องสมุดในประเทศไทยในระยะแรกน่าจะมาจากความสัมพันธ์ระหว่างตัวบุคคล เช่น ผู้บริหารห้องสมุดหรือบรรณารักษ์ ซึ่งมีการติดต่อขอยืมวัสดุสิ่งพิมพ์ของกันและกันโดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัว และมีการให้ยืมจากการติดต่อทางราชการ ซึ่งมีการตอบสนองโดยพิจารณาเป็นรายๆ ไปตามความเหมาะสมโดยไม่มีระเบียบแบบแผน และเรียกได้ว่าระยะนั้นมีความร่วมมือระหว่างห้องสมุดน้อยมากความร่วมมือเพื่อบริการผู้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรากฏเห็นเด่นชัดขึ้นเมื่อที่ประชุมผู้บริหารห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษาได้จัดให้มีการสัมมนา เรื่อง ความร่วมมือระหว่างห้องสมุดมหาวิทยาลัยครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคม พ.ศ.2522 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาแนวทางความร่วมมือในด้านบริการระหว่างบรรณารักษ์ระดับหัวหน้าฝ่าย ผลจากการสัมมนาครั้งนี้ได้เป็นแนวทางนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างห้องสมุดในด้านต่างๆ อันได้แก่ การบริหารการจัดทำข้อมูลคู่มือบอกแหล่งวัสดุ การปรับปรุงหัวเรื่องการจัดหาสิ่งพิมพ์ การจัดทำดัชนีวารสารและหนังสือพิมพ์ การให้บริการยืมระหว่างห้องสมุด ซึ่งสาระสำคัญที่เกี่ยวกับการยืมระหว่างห้องสมุด มีดังนี้1)  พิจารณาร่างระเบียบปฏิบัติการยืมระหว่างห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.25222)  เห็นควรให้มีบริการยืมโสตทัศน์ระหว่างสถาบันอุดมศึกษา3)  พิจารณาจัดทำแบบกรอกรายการยืมระหว่างห้องสมุดของสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโสตทัศน์ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

บรรณานุกรม
นายิกา  เดิดขุนทด.  (2540).  การยืมระหว่างห้องสมุด: ทฤษฎีและการปฏิบัติ.  ขอนแก่น:
 สำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
บริการยืมระหว่างห้องสมุด.  (...).  ค้นเมื่อ กุมภาพันธ์ 1, 2558,
 จาก http://www.library.kku.ac.thบริการยืมระหว่างห้องสมุดต่างสถาบัน.  (2556).  ค้นเมื่อ กุมภาพันธ์ 1, 2558,  จาก           http://www.main.library.ac.thมะลิวัลย์  น้อยบัวทิพย์.  (2545, มกราคม-ธันวาคม).  บริการยืมระหว่างห้องสมุด
  สำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.  วารสารนิเทศ,  9,  (1-2),  หน้า 75-95.
รวีวรรณ  ขำพล.  (2547-2550).  บริการยืม-คืนระหว่างห้องสมุดร่วมกันข่ายงาน  ห้องสมุด มหาวิทยาลัยส่วนภูมิภาค (PULINET).  ลานจันทร์,  9-12,  (1-2),  หน้า 30-39.

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

ความประทับใจที่มีต่อสาขาบรรณารักษศาสตร์ และสารสนเทศศาสตร์

ความประทับใจที่มีต่อสาขาบรรณารักษศาสตร์

และสารสนเทศศาสตร์


การเรียนสาขานี้ทำให้เราเข้าห้องสมุดบ่อยขึ้น ซึ่งตัวเราเองเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว แต่ส่วนมากจะอ่านจำพวกนิยายลึกลับ ซึ่งเรียนจบมาก็จะได้เป็นบรรณารักษ์ที่อยู่ให้ห้องสมุด ทำงานบริการผู้ใช้บริการ ได้มีโอกาสทำนู้นทำนี่ซึ่งมีหน้าที่หลักในการค้นหาและจัดเตรียมสารสนเทศ แล้วนำมาจัดหมวดหมู่ตามหัวเรื่องในแต่ละสาขาวิชาที่มีผู้ใช้บริการต้องการ รวมทั้งยังเป็นผู้ที่คอยให้คำแนะนำปรึกษาในการเข้าถึงสารสนเทศตามแต่ละสาขาวิชา ซึ่งเป็นการอำนวยประโยชน์ให้กับผู้ใช้บริการที่ต้องการสารสนเทศในสาขาใดสาขาหนึ่งในลักษณะที่ลึกซึ้งและเฉพาะเจาะจง บรรณารักษ์จะเป็นผู้ตอบสนองความต้องการสารสนเทศในสาขาต่างๆให้กับผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่เรียนสาขานี้มาได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ได้ความรู้ที่อาจารย์ทุกท่านมอบให้  ได้ไปศึกษา
ดูงานในสถานที่ต่างๆเป็นการเพิ่มความรู้ความต้องการที่เราจะนำมาพัฒนาห้องสมุดที่มหาวิทยาลัยของเราได้ และได้ประสบการณ์จากการที่เราได้ไปดูงาน รวมถึงได้เที่ยวไปในตัว ได้มิตรภาพจากเพื่อนๆ